TheSunR19 on WordPress

วันนี้ได้อ่านบทความหนึ่งในเฟซบุ๊ค ของรุ่นพี่ที่น่ารักท่านหนึ่ง เป็นบทความที่พี่เขาเขียนถึงลูกชาย เมื่ออ่านจบก็รู้สึกว่า เป็นคำสอนที่ไม่ใช่แค่ลูกชายของพี่เขา แต่มันสะท้อนถึงตัวเราเองทุกๆคนที่ได้อ่านบทความนี้ ว่ามีความอดทนมากพอที่จะ “รอวันฟ้าสว่าง” จากค่ำคืนที่มืดมนในชีวิตหรือไม่ … เป็นเรื่องดีดี ที่ต้องอ่านครับ และเป็นกำลังใจสำหรับทุกท่าน ที่อยู่ในสภาวะมืดมน … ขอให้อดทน จนผ่านไปเจอรุ่งสางที่สว่างไสวในเช้าวันใหม่นะครับ ^^

นะโม..ลูกรัก

——————————————————
19 November 2010 at 08:55
——————————————————-

นะโมลูกรัก…

ลูกคงร้อนน่าดู ที่พ่อพาลูกมาผจญกับเปลวแดดในหน้าร้อนอย่างนี้..

ลูกสังเกตเห็นต้นไม้ส่วนใหญ่ในป่านั่นไหม..

มันเหลือแต่ลำต้นและกิ่งก้าน มองคล้ายกับพวกมันตายยืนต้นกันทั้งนั้น

แต่..ความจริงพวกมันยังไม่ตาย..มันยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด

……………………………………

ลูกรัก…….

โลกใบนี้..มันมีฤดูกาลที่หมุนเวียน ผันเปลี่ยนอยู่ตลอด

ใบไม้ ที่เขียวขจีครึ้มป่าในฤดูฝนที่ผ่านมา..ก็เริ่มเหลืองซีด..แล้วร่วงหล่นสู่ พื้นเรื่อยๆจนเกือบหมดทั้งป่า แล้วหแห้งกรอบในที่สุด เหลือเพียงกิ่งก้าน ที่ต้องรับกับสายลมแล้ง และแสงแดดที่แผดเผาให้พวกมันเจ็บปวด ร้อนร้าวไปทุกส่วนทั่วทุกต้น

……มันต้องอดทน…ให้ผ่านพ้นหน้าแล้ง ที่แสนโหดร้ายนี้ไปให้จงได้..เก็บงำน้ำทุกหยดไว้ใช้ให้คุ้มค่าและยาวนานที่ สุด ไม่ให้สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์…แม้แต่น้ำตา แห่งความร้าวราน เจ็บปวด

…….มันต้องอดทนให้ได้ ในทุกวินาที ที่แสงแดดแผดเผาทุกส่วนของมัน ตลอดฤดูแล้งนี้ ไมมีร่มเงาใดๆแม้แต่ต้นของมันเอง

……..มันต้องอดทนให้ได้…ในทุกวินาที ที่รอบๆมันนั้น มีแต่อากาศที่ร้อนระอุ ไม่มีแม้ความชื้นให้มันได้ดูดซึม

เพราะมันไม่สามารถที่จะถอยร่น หรือเคลื่อนหลบไปไหนได้ …ไม่สามารถเลือกทางอื่นใดได้ นอกจากอดทน

อย่างสงบ

หรือบางที อาจเป็นไปได้ว่า …มันรู้ดีว่า

อีกไม่นาน จะมีสายลม พัดเอาความชื้น และหมู่เมฆมาจากไกลโพ้น  นำเอาสายฝน และความชุ่มเย็นมาสู่พวกมันอีกครั้ง สายฝนที่โปรยลงมา สู่พื้นที่แห้งผากนั้น ..มันจะชะล้างเอาคราบฝุ่นแล้วความรวดร้าวทั้งหมดทั้งมวลให้แก่พวกมันทั้งป่า เหมือนเป็นรางวัลแห่งความอดทน และรอคอยของพวกมันให้จนสมใจ

…บาดแผลที่เกิดจากการหลุดร่วงของก้านใบ ในวันก่อนนั้น จะค่อยๆมีติ่งตา แห่งชีวิตใหม่ของมันงอกเงยออกมา

อาจ เป็นติ่งตาที่จะเป็นช่อดอกอันงดงามสะพรั่ง เพื่อเปลี่ยนเป็นผล เพื่อสืบพงษ์พันธุ์ของมัน  หรืออาจแตกตาเป็นยอดอ่อน ที่เต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ละมุนของชีวิตใหม่เพื่อเพิ่มกิ่งใบของมันให้สาขา เติบโตสูงใหญ่กว่าเดิม

หลังจากที่มันผ่านความอดทนยาวนานตลอดฤดูแล้ง  มันจะพบกับชีวิตสดใส มีทั้งดอก ใบ และเต็มไปด้วยความหวังเสมอไป …

ชีวิตคนก็เป็นแบบนั้น..ลูกรัก..

แต่ผู้คนส่วนใหญ่  เมื่อพบกับวันเวลาที่มืด  อับจนหนทาง หรือพบกับความเจ็บปวดรวดร้าว  เขาก็มักไม่มีสติคิดถึงวัฏจักรเหล่านี้  ต่างก็รู้สึกว่า ความทุกข์ของเขานั้นหนักหนาสาหัสกว่าคนอื่นๆในโลกนี้  เกินที่จะทนรับไว้ได้เขาลืมไปว่า ยังมีแสงสว่างที่จะมากับรุ่งเช้าของวันใหม่รออยู่เสมอ ขอเพียงเขาแค่อดทนให้ผ่านคืนที่มืดมิด เหน็บหนาวนี้ไปให้ได้เท่านั้น

ถ้าหากวันหนึ่ง ..ลูกเจอวันเวลา หรือสถานการณ์ที่เจ็บปวด ร้าวรานใจ หรือ วันเวลาที่ชีวิต พบกับความ มืดมน สิ้นหวัง เข้าบ้าง …พ่อขอแนะนำให้ลูก จงสงบนิ่ง ตั้งสติ แล้วหลับตานึกถึงต้นไม้ ที่มันทิ้งใบท่ามกลางความแห้งแล้ง และการแผดเผาของเปลวแดดนี้อย่างไร  มันเติบใหญ่และเอาชนะฤดูกาลที่แร้นแค้นนี้ได้อย่างไร

…….แล้วลูกก็จงอดทน อย่างมีสติ และมีความหวัง ….

…..จำไว้ว่า..ยิ่งดึกสงัด …ก็ยิ่งมืด…ยิ่งเงียบงัน…ยิ่งเหน็บหนาว..และหวาดกลัว…..มักจะยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเดียวดาย..

แต่ลูกก็รู้ดีว่า ..มันยิ่งใกล้เวลารุ่งสางของวันใหม่มากขึ้นเท่านั้น.. …ไม่ช้า ลูกก็จะพบแสงทองอร่ามขึ้นที่ขอบฟ้า..

…ความมืดมืด น่ากลัวต่างๆก็จะเลือนหายไป..

ลูกจะเริ่มมองเห็นหนทางที่จะให้ลูกก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและปลอดภัยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ลูกจะอบอุ่นขึ้นด้วยแสงแดดอุ่นอ่อนในยามเช้า..

สรรพชีวิต  และความสวยงามของพืชพรรณต่างๆก็จะปรากฏให้ลูกได้ชื่นชม..

นั่นหมายถึงว่า..

ลูกได้ใช้ความอดทนจนผ่านพ้นคืนแห่งความทุกข์ระทมไปได้อีกคืนหนึ่งแล้ว  ..พ่อไม่เห็นด้วยที่จะไปเชื่อคนอื่นๆ ที่มักจะพูดว่า..

“ ความอดทนของคนเรานั้นมีขีดจำกัด”

พ่อว่า.. คนเหล่านั้นเขามักจะล้มเหลว ในการใช้ความอดทนของเขาเสมอๆ..ซึ่งก็อาจหมายถึงความล้มเหลวในชีวิตของเขาด้วยเป็นส่วนมาก..

….พ่อสรุปให้ลูกอีกก็ได้ว่า..

ชีวิต ต่างๆในโลกนี้ล้วนอาศัย ความอดทน เป็นคุณสมบัติพื้นฐาน ในการดำรงอยู่ และเอาชนะอุปสรรคต่างๆและความทุกข์ร้อนน้อยใหญ่ในชีวิตได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าต่างๆด้วย  และเมื่อเราอดทนจนผ่านเรื่องเลวร้ายหรืออุปสรรคไปได้ครั้งหนึ่ง  ก็หมายถึงเราได้เติบโตขึ้นอีกขั้นหนึ่งด้วย  เหมือนต้นไม้ที่มันผ่านความแร้นแค้นไปอีกฤดู  มันก็จะเพิ่มกิ่งใบ สาขาของมัน ดอกผล และเมล็ดพันธุ์ของมันอีกมากมาย มากขึ้นเริอยๆ..

…อย่าง น้อยที่สุด ..เมื่อความเจ็บปวดผ่านไป…จิตใจของลูกจะสูงขึ้น..ลูกจะให้อภัยได้มากขึ้น …ปัญญา และศรัทธาในชีวิตของลูกก็จะมากขึ้นไปด้วย มันจะช่วยให้ลูกใช้ชีวิตได้อย่างสง่างามกว่าเดิม

เมื่อถึงเวลานั้น..เมื่อลูกมีกำลังเพียงพอแล้ว…พ่อขอแนะนำให้ลูก…อย่าลืมหันมองคนอื่นๆ รอบตัวของลูก

อาจจะมีคนที่กำลังเจ็บปวดสิ้นหวัง อับจนหนทาง..

อาจจะมีคนที่ไม่มีแม้ความกล้าหาญพอที่จะใช้ความอดทน  ผ่านพ้นความทุกข์ระทมของเขา

ลูกจงช่วยเหลือเขา..ปลอบโยนเขา ..ให้กำลังใจแก่เขาเหล่านั้น ด้วยปัญญาและประสบการณ์ของลูก

ให้เขาสามารถอดทน ก้าวผ่านห้วงเวลาที่เลวร้ายของเขาไปสู่รุ่งอรุณแห่งความหวัง ได้ด้วยตัวเขาเอง..

เหมือน กับต้นไม้ใหญ่ผ่านได้หลายฤดูกาล…ใช้กิ่งก้านอันสาขาร่มครึ้มของมัน โน้มกิ่งใบของมันลงมาโอบแนบชิดให้เหล่าไม้เล็กๆได้ร่มเย็น ชุ่มชื่นและเติบโต โดยไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์..และไม่หวังการตอบแทนใดๆเลย..

          นั่นคือ วิถีของธรรมชาติ..   

หวังว่า นะโม ลูกพ่อจะเข้าใจ..และซาบซึ้งในความอดทน…..

รักลูกมาก..

จากพ่อของลูก

……
ขอบคุณพี่ต้อย สมปอง เมฆมนต์ สำหรับคำสอนดีดีนะครับ ^^
ที่มา: พี่ต้อย

ฝากคอมเมนต์ หรือคำแนะนำให้ด้วยนะครับ ^^

Tag Cloud